Friday, 22 April 2011

Yanapio Gems เครื่องประดับทำด้วยมือ ออกแบบด้วยหัวใจ ของหนุ่มแบงค์

วันนี้เจ้าของบล็อคขอแนะนำงานออกแบบเครื่องประดับที่สร้างขึ้นเฉพาะให้กับลูกค้าแต่ละราย  ซึ่งเพื่อนเจ้าของบล็อคคนนี้สามารถออกแบบให้ได้ ตั้งแต่ แหวน สร้อยข้อมือ ต่างหู จึ้  และ Cufflinks


ขอยกตัวอย่างที่นี่สองชิ้นงานนะคะ


ชิ้นที่ 1 ต่างหู "We will born"


 

 
ราคา-1,150 บาท (ค่าจัดส่ง 50)

ตัวเรือน-เงินแท้


อัญมณี-
White Sapphire 70 เม็ด
-Pearl 6 เม็ด

ความเชื่อเรื่องอัญมณี-
White Sapphire เป็นพลอยตระกูลเดียวกับไพลิน ส่งเสริมด้านความรัก ชีวิตคู่ ครอบครัว และคนรอบด้าน เป็นอัญมณีแห่งความดีงาม รักษาอาการทางสมอง ระบบประสาท ทำให้จิตใจสงบ
-Pearl รักษาโรคที่เกิดจากความร้อนภายใน บำบัดโรคไต หอบหืด แก้ปัญหาทางด้านอารมณ์ ระบบหายใจดีขึ้น

ชิ้นที่ 2 แหวนคู่  "Login You"







ถ้าความรักของใครสักคนจะต้องรอเวลาและรอคอย คนที่ตนเองรักอย่างใจจดใจจ่อ ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง และสวมกอดกันอย่างมีความสุข นิยายรักเรื่องนี้อาจจะเหมือนกับแหวนสองวงนี้ ของคุณกริชและคุณซินดี้(เกาหลี)

สำหรับแหวนสองวงนี้เป็น แหวนที่ผมได้ระดมสมองออกแบบกับคุณกริช(เจ้าของ) เพราะว่าคุณกริชออกโจทย์มา  ว่า อยากได้แหวนที่แสดงถึงตัวตนของกันและกัน อีกทั้งอยากจะได้แหวนที่ประกอบกันได้และสามารถบ่งบอกถึงความรักที่เป็นนิรันดร์
คุณกริชเป็นนักถ่ายภาพ ชอบการถ่ายรูป และคุณซินดี้ ชอบทะเล เพราะฉะนั้นแหวนสองวงนี้จึงแบ่งออกเป็น สองdesignที่ไม่เหมือนกัน คุณซินดี้ มีเอกลักษณ์ คือสะท้อนถึงเกลียวคลื่นของท้องทะเลสีคราม(จาก london blue topaz) และของคุณกริช คือหน้ากล้อง โดยมี white topaz เป็นเสมือนแฟลช และท้องแหวนได้ออกแบบเหมือนกับ ฟิล์ม แต่เมื่อมาประกอบกันด้วยความรัก เกลียวคลื่นจากคุณซินดี้ก็จะกลายมาเป็น เลนซ์หน้ากล้องให้กับคุณกริช ซึ่งสะท้อนถึงการดูแลกันและกัน และความรักที่ลงตัวของทั้งสองท่าน
ประทับใจในความรักและมั่นคงของทั้งคู่มากครับ และขอบคุณที่ให้ผมได้สัมผัสในความรักครั้งนี้ด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับคุณกริช

ตัวเรือน-เงินแท้ ทำสีดำ ทอง และสีทองขาว


อัญมณี-
London Blue Topaz
-White Topaz

ความเชื่อเรื่องอัญมณี-
Topaz เป็นอัญมณีที่มีพลังในเรื่องของความรักสูง ซึ่งจะนำรักแท้และซื่อสัตย์ให้คงอยู่ตลอดไป อีกทั้งยังปกป้องผู้เป็นเจ้าของ


อ่านคำบรรยายของชิ้นงานแล้ว สาวๆ อย่างเพิ่งเคลิ้มจนลืมแวะไปดูผลงานออกแบบทั้งหมดที่ Yanapio Gems นะคะ


และอาจจะเคลิ้มยิ่งกว่าถ้ารู้ว่างานออกแบบทั้งหมดด้านบนเป็นของหนุ่มแบงค์ พิธีกรหน้าใสแห่งรายการแฟนจ๋า ของช่องแฟนทีวี และพิธีกรงานอีเวนท์ที่วิ่งชนจนแบงค์มีงานเกือบทุกวัน

หากจะมีกี่คนที่รู้ว่าหนุ่มแบงค์ มีงานที่รักอีกงานคือการการเป็น นักออกแบบอัญมณี (Jewelry designer) โดยแบงค์ออกแบบและขึ้นมือด้วยตัวเองทุกชิ้น หลังจากได้มีการพูดคุย สัมภาษณ์และออกแบบกับลูกค้าเองเลย





เจ้าของบล็อคได้มีโอกาสรู้จักกับแบงค์ตอนที่แบงค์มาอยู่ลอนดอน เป็นเรื่องบังเอิญที่แบงค์ย้ายเข้าไปอยู่บ้านเก่าของเรา เราเลยมีโอกาสเจอกันบ่อยๆ เพราะแบงค์จะเอาจดหมายตกค้างที่บ้านเก่ามาให้  ขอบคุณมากแบงค์  :)  จากนั้นเราก็เจอกัน คุยกันเรื่อยๆ ตามประสาคนไทยที่บังเอิญวนๆ เวียนๆ อยู่ในลอนดอน


คุยไปคุยมา ก็พบว่าแบงค์สนใจเรื่องออกแบบ ก็เลยไปเรียน Fashion Design, London Collage of Fashion, London แต่หลังจากค้นหาตัวเองไปเรื่อยๆ แบงค์กลับพบว่าตัวเองสนใจเรื่องเครื่องประดับมากที่สุด  และแล้วการสร้างพื้นฐานในการทำฝันให้เป็นจริง ก็เริ่มต้นอีกครั้งด้วยการไปเรียนออกแบบ 
Jewellery Design ที่ GIA, London แล้วต่อด้วย Introduction and Workshop Making Jewellery, Alexandra Huerga Studio, London   

เรามีโอกาสได้เห็นชิ้นงานที่แบงค์ทำตั้งแต่ทำส่งในคลาสที่เรียน รวมไปถึงชิ้นงานที่ออกแบบพิเศษให้เพื่อนๆ หลายคนในลอนดอน ก็ยังอดชื่นชมไม่ได้ว่า ออกแบบได้เก๋ดี แล้วก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ในวันที่แบงค์บอกว่าจะกลับไทย ไปทำจิวเวลรี่จริงจัง เรายังอดรู้สึกไม่ได้ว่าช่างกล้าหาญและมุ่งมั่นอะไรอย่างนี้   


โชคชะตาฟ้าลิขิต จากเดิมที่เคยเป็นพิธีกรก่อนที่จะมาลอนดอน  มาอยู่ลอนดอนก็ยังคงทำงานอีเวนท์ไม่หยุดหย่อน  เมื่อแบงค์กลับเมืองไทย และลองไปทดสอบงานพิธีกร ก็เลยทำให้แบงค์ได้กลับมาอยู่หน้ากล้องอีกครั้ง  แต่คราวนี้พ่วงด้วยงาน part time ที่เค้ารัก นั่นคือการออกแบบเครื่องประดับ


หลังจากกลับไทยไม่นาน เราได้รับคำเชิญให้ไปเป็นเพื่อนกับ Yanapio Gems
ในเฟสบุค แล้วก็พบว่าแบงค์เริ่มรับงานออกแบบเครื่องประดับ ที่เป็นงานแบบออกแบบให้เฉพาะบุคคลเป็นรายๆ ไป  ตามลักษณะนิสัยและคาแรคเตอร์ของลูกค้าท่านนั้นๆ   โอ๊ะ โอ ทุ่มทุนสร้าง ทุ่มเทเวลาและความใส่ใจมากก  จนเรานึกงงว่า แบงค์เอาเวลาที่ไหนไปทำเนี่ย


หากท่านใดสนใจที่จะอยากขอเป็นเพื่อนทางเฟสบุคของYanapio Gemsเพื่อดูผลงานของแบงค์ก่อนตัดสินใจสั่งทำก็ได้นะคะ 

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเรื่องการสั่งทำเครื่องประดับได้ที่ 
Email : yanapio@hotmail.com  โทรศัพท์ 081-6897714 ค่ะ  

รับรองว่าได้เครื่องประดับ แบบไม่ซ้ำใครแน่นอนค่ะ

Tuesday, 19 April 2011

Walk on the Wild Side เสื้อยืด + ย้อมคราม

เสื้อยืด + ย้อมคราม โดย www.tcdcconnect.com




Walkonthewildside – แบรนด์เสื้อยืดกับการคืนชีวิตให้ภูมิปัญญาไทย
March 16th, 2011

เรื่อง : อาศิรา พนาราม
wwsIndigo3
ใครๆ ก็บอกว่า หากคิดจะทำธุรกิจ…ต้องค้นหาให้ได้ว่าอะไรคือจุดแข็งที่มีอยู่แล้วของตัวเอง นราวุธ ไชยชมภู และ ศศิมา อัศเวศน์ คืออีกหนึ่งคู่ชีวิตที่คิดจะมีธุรกิจร่วมกัน นราวุธทำงานด้านสื่อสารมวลชน ส่วนศศิมาจบสัตวแพทย์ ทั้งสองกำลังมองหาว่าอะไรคือ จุดแข็งของพวกเขา
โชคดีที่ว่าบ้านของนราวุธที่จังหวัด สกลนครมีกิจการย้อมครามที่ฟื้นฟูขึ้นมาเอง และพัฒนาขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์จนได้รับการยอมรับถึงในตลาดต่างประเทศ ทั้งสองตัดสินใจนำภูมิปัญญาทรงคุณค่านี้มาเป็นจุดแข็งต่อยอดธุรกิจในแบบของ ตัวเอง
wwsIndigo1
แม่ฑีตา รื้อฟื้นภูมิปัญญาเก่าแก่สู่ผลิตภัณฑ์โอทอประดับท็อป
กิจการย้อมครามของบ้านนราวุธเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2535 เมื่อคุณน้า ประไพพันธุ์ แดงใจ ผู้เคยผ่านงานในองค์กรพัฒนาเอกชนและทำงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมหลายด้าน ได้กลับมาบ้านเกิดที่จังหวัดสกลนคร เพื่อสุขภาพของลูกสาวซึ่งเป็นโรคภูมิแพ้ คุณน้าได้สังเกตเห็นชุดที่คุณยายฑีตา จันทร์เพ็งเพ็ญ (คุณแม่ของคุณน้า) และผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านใส่กันว่าสวยดี จึงไถ่ถามว่าทำจากอะไร เมื่อได้คำตอบว่าเป็นผ้าย้อมคราม คุณน้าก็สนใจมาก เพราะ ณ ตอนนั้น ความรู้เรื่องการย้อมครามได้เลือนหายตายจาก (ตามคนรุ่นเก่า) ไปเกือบหมดแล้ว คนที่ยังทำได้ก็อายุมากเหลือเกิน หม้อคราม อุปกรณ์เก่าๆ ก็ถูกทิ้งร้างไว้หลังบ้าน กระทั่งต้นครามยังแทบหาไม่ได้ในหมู่บ้าน

คุณน้า คุณแม่ และคุณยายของนราวุธ มุ่งมั่นรื้อฟื้นศิลปะการย้อมครามขึ้นมาใหม่ ซึ่งแม้คุณยายจะเคยเห็นคุณทวดทำ แต่ก็ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญเป็นส่วนตัว จึงต้องสืบเสาะหาคนที่ยังทำอยู่และไปขอความรู้จากเขา หลังจากนั้นก็มาทดลองทำกันเองเพื่อหาสูตรและวิธีการที่ลงตัวมากที่สุด ซึ่งใช้เวลาอยู่นานหลายปี จนถึงทุกวันนี้บางขั้นตอนก็ยังต้องทดลองและพัฒนากันอยู่ ด้วยว่า “คราม” นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นพืชที่มีกระบวนการย้อมยากที่สุดในโลก
ต้นครามที่ได้มาต้นแรกนั้นต้องอาศัยคน ไปหามาจากป่า แล้วค่อยนำมาเพาะพันธุ์ปลูกเอง ทั้งสามเริ่มต้นใหม่หมดตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยวใบ การมัด แล้วจึงนำไปหมักให้ได้เนื้อครามอยู่ในหม้อ นำผ้าฝ้ายมาย้อม ฯลฯ แรกย้อมนั้นผ้าจะยังเป็นสีเขียวอยู่ แต่เมื่อครามได้สัมผัสกับออกซิเจนก็จะกลายเป็นสีฟ้ามากขึ้น ซึ่งกระบวนการทั้งหมดล้วนเป็นกระบวนการธรรมชาติทั้งสิ้น
แต่ละขั้นตอนนั้นมีเทคนิคเคล็ดลับมาก มาย ตัวอย่างเช่น เมื่อได้เนื้อครามมาอยู่ในหม้อแล้ว ก็ต้องคอยเติมมะขามเปียกหรือปูนเพื่อดูแลสภาวะความเป็นกรด – ด่างให้ลงตัวจึงจะใช้ย้อมได้ (บางหม้อใช้ย้อมไปได้เรื่อยๆ หลายปี) แต่ถ้าคนทำไม่คอยดูแลเรื่องความเป็นกรด – ด่างให้สมดุลแล้ว หม้อครามนั้นก็จะเสียไปเลย กระบวนการนี้จึงต้องอาศัยประสบการณ์เป็นอย่างมาก
ในที่สุดสินค้าผ้าฝ้ายย้อมคราม “แม่ฑีตา” (ซึ่งได้ชื่อของคุณยายมาตั้งเป็นชื่อแบรนด์) ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นม่ฑีตา”้อมคราม “ายฝนฐานะผู้ริเมับมากมายเต็มไปหมด เช่น ้าน ในระหว่างที่คุณน้าและคุณยายได้ทดลองทำ ครามก็ค่อยๆ ฟื้นกลับคืนชีวิต คนในจังหวัดสกลนครเริ่มทำผ้าย้อมครามกันมากขึ้น จนกระทั่งในที่สุดทางราชการก็สนับสนุนให้ “ผ้าย้อมคราม” เป็น “ของดีเมืองสกลนคร” และคุณยายของนราวุธก็ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมาศักดิ์สาขาเคมี (ทั้งนี้เนื่องจากมีอาจารย์มหาวิทยาลัยมาลงพื้นที่ทำวิจัย และได้นำภูมิปัญญาและประสบการณ์ของ “แม่ฑีตา” มาทดลองทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งสามารถวัดผลได้จริงจึงมอบปริญญาให้)
ปัจจุบันแม่ฑีตา มีผ้าย้อมสีธรรมชาติหลักอยู่ 2 สี คือ คราม กับ มะเกลือ ซึ่งพืชส่วนใหญ่ในโลกจะต้องผ่านกระบวนการย้อมร้อน (ต้ม) มีพืชไม่กี่ชนิดที่สามารถย้อมเย็นได้ ซึ่งครามกับมะเกลือก็เป็นหนึ่งในนั้น “แม่ฑีตา” เลือกใช้การย้อมเย็นเพราะจะมีความทนทานมากกว่า แถมยังไม่สิ้นเปลืองพลังงาน ดีต่อสิ่งแวดล้อมทุกกระบวนการ 
wwsIndigo2
Walkonthewildside เมื่อครามหยาดลงบนเสื้อยืด
การเก็บเกี่ยวใบครามจะทำได้เฉพาะเวลาเช้ามืดก่อนแสงอาทิตย์มาเยือน โดยศศิมาบอกว่า การจะรู้ว่าใบไหนที่พร้อมเก็บ คือให้ดูว่าใบนั้นมีหยดสีครามออกมาแล้วหรือยัง (สิ่งนี้เรียกว่า ครามหยาด) ซึ่งหากผ่านช่วงเวลานี้ไปแล้ว ถ้าใบไม่ถูกเก็บก็จะร่วงหล่นไปเอง ถึงตรงนี้เราอดนึกเปรียบเทียบไม่ได้ว่า ความพร้อมที่จะกลับมาต่อยอดสิ่งที่มีอยู่ในบ้านเกิดของนราวุธและศศิมานั้น ก็เหมือนกับจังหวะของ “ครามหยาด” นี่แหละกระมัง

นราวุธเล่าว่าเขาเห็นผ้าย้อมครามมา ตั้งแต่เด็กแต่ไม่เคยได้ลงมือทำ เขามองเห็นความงดงามแต่ไม่รู้ว่าจะนำมาสวมใส่อย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง
“เราเห็นผ้าของน้าสวยมาก แต่เมื่อแปรรูปออกมาแล้ว เรากลับไม่รู้ว่าจะหยิบอันไหนมาใส่ได้ นี่คือจุดที่ทำให้เราคิดกันว่าจะทำอย่างไรให้ครามที่เราเห็นว่าสวย ว่าเจ๋ง ว่าทำยาก และเป็นภูมิปัญญาที่ทรงคุณค่านี้ ได้มาเจอกับความเป็นคนรุ่นใหม่ของเรา ก็นึกถึงเสื้อยืดเพราะเราใส่ทุกวัน และเสื้อยืดมีความเป็น Unisex เป็นสิ่งที่ทำแล้วเราแชร์ร่วมกันได้”

ตอนนี้ทั้งนราวุธและศศิมากำลังเรียนรู้ การย้อมครามทั้งกระบวนการอยู่ โดยฝึกตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก เก็บเกี่ยว ทำเนื้อครามเป็น ก่อหม้อคราม และการย้อม ทั้งสองบอกว่า “การย้อม” ดูจะเป็นขั้นตอนที่พวกเขาถนัดที่สุด และรู้สึกสนุกกับการได้ทดลองอะไรใหม่ๆ ระหว่างเสื้อยืด คราม และสีย้อมธรรมชาติต่างๆ ศศิมาบอกว่า ในอนาคตหากมีความชำนาญขึ้น คงได้ทดลองย้อมสีธรรมชาติอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น เปลือกมังคุด โคลน ต้นกล้วย ฯลฯ และจะค่อยๆ แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ต่อไป

“การย้อมเป็นเรื่องสนุก เพราะเราคาดเดาไม่ได้ แม้จะใช้เทคนิคเดียวกันก็อาจได้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน ครามและพืชธรรมชาติมีมิติสีที่ไม่สม่ำเสมอ ต่างจากสีเคมี และมักจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันอยู่เรื่อยๆ เช่น เวลาทำเสื้อยืดย้อมมะเกลือ ที่น้ำย้อมจะมีเปลือกมะเกลือเป็นเกล็ดๆ ติดอยู่ ปกติเวลาทำเขาจะห่อผ้าขาวบาง เพื่อกันเกล็ดมะเกลือเหล่านี้ (เพื่อให้สีเรียบนวล) แต่วันนั้นเรารีบๆ ก็ย้อมเลย ไม่ได้ห่อผ้า จึงมีเกล็ดติดมาด้วย พอนำไปตากแดด ซักออกมาตรงเกล็ดก็หลุดไป กลายเป็นลายจุดๆ สวยมาก หรือบางครั้งเราเอาเสื้อที่ย้อมแล้วไปตาก แล้วฝนตกมาโดนก็กลายเป็นลายเม็ดฝนไปก็มี บางทีก็ได้ลวดลายออกมาเหมือนภาพแนว Abstract มันคาดเดาไม่ได้จริงๆ”

“ในการย้อมสีธรรมชาตินั้น ธรรมชาติจะช่วยเราทำงานด้วย ฉะนั้นเวลาทำจึงไม่ควรไปเคร่งครัดมาก ปล่อยสบายๆ ให้มันเกิดขึ้นเอง เพราะนี่คือการทดลอง เราคิดว่ามันมีเสน่ห์ตรงนี้แหละ ตรงที่แต่ละตัวออกมาไม่เหมือนกันเลย
ฟื้นชีวิต “ภูมิปัญญา” ด้วยการเชื่อมต่อเข้าหา “ปัจจุบัน”
การต่อยอดของนราวุธและศศิมาไม่ใช่แค่การย้ายครามมาย้อมในสื่อใหม่ อย่างเสื้อยืด แต่พวกเขามีความคิดที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น จะเรียกว่า “การอนุรักษ์” ก็อาจจะไม่เต็มปาก พวกเขาอยากเรียกมันว่า “การสืบต่อชีวิต” มากกว่า


ภูมิปัญญา ที่ สั่งสมมายาวนานด้วยความยากลำบาก หากจะปล่อยให้ตายไปก็น่าเสียดาย คำว่าตายของผมนั้นหมายถึงว่า แม้ภูมิปัญญานี้จะยังคงอยู่ แต่หากมันเป็นแค่การอนุรักษ์ไว้เฉยๆ อย่างเดิม มันก็จะเป็นแค่เรื่องของคนเฉพาะกลุ่ม ไม่ได้มีการนำมาใช้ในชีวิตจริงกับคนรุ่นปัจจุบัน ซึ่งสำหรับผมแล้ว นัยหนึ่งมันก็คล้ายๆ กับตายนั่นแหละ”

“ดังนั้น ถ้าเราอยากให้ครามมีชีวิตยืนยาวต่อไป เราก็ต้องนำมันมาอยู่กับสิ่งที่เราชอบสิ่งที่เราใช้ นี่จะเป็นการต่อชีวิตภูมิปัญญาดั้งเดิมไปยังคนรุ่นใหม่ ทำให้ครามได้กลมกลืนอยู่ในวิถีชีวิตปัจจุบันจริงๆ ภูมิปัญญาดีๆ ของไทยนั้นมีอยู่มากมายเหลือเกิน แต่ว่ามันชะงักอยู่แค่การอนุรักษ์ ซึ่งจะทำให้มันตายไปทีละน้อย เพราะขาดการเชื่อมต่อมาสู่คนรุ่นใหม่ การนำสีครามมาเจอกับเสื้อยืดนี้ จึงเหมือนกับการนำโลกยุคเก่าและโลกยุคใหม่มาเจอกันครับ

TIPS : การตลาดของ Walkonthewildside
เมื่อเสื้อยืดย้อมพืชธรรมชาติ Walkonthewildside ออกมาทำความรู้จักกับตลาดคนรุ่นใหม่ ก็ต้องพบกับปัญหาและอุปสรรคเดิมๆ ไม่ต่างจากรุ่นคุณน้า นั่นก็คือการต้องอธิบายและตอบคำถามมากมายเกี่ยวกับตัวสินค้าและขั้นตอนการ ผลิต (ว่าทำไมสินค้าถึงมีราคาสูง) ด้วยเหตุนี้ศศิมาจึงได้ออกแบบการ์ดของ Walkonthewildside และแผ่นพับของ “แม่ฑีตา” ขึ้นใหม่ เพื่อแนะนำให้ความรู้เกี่ยว “คราม” และกระบวนการผลิต (ซึ่งยาก) เพราะในหลายๆ ครั้ง ลูกค้าอาจเห็นว่าเสื้อยืดหรือสินค้าของพวกเขาเป็นแค่ของง่ายๆ เหตุใดจึงตั้งราคาไว้สูงกว่าของที่เห็น ซึ่งผลจากการใช้สื่อเข้าช่วยนี้ ก็ทำให้ Walkonthewildside ได้รับทั้งความสนใจและการตอบรับอย่างอบอุ่นจากผู้บริโภค

ข้อมูลเพิ่มเติม:
www.walkonthewildside.etsy.com

www.facebook.com/pages/Walkonthewildside-shop/142350719137072
E-mail: walkonthewildsidemail@yahoo.com

ยาดมสมุนไพร สมุนไพรหอม “บุษย์น้ำทอง”

“บุษย์น้ำทอง” สมุนไพรใกล้ตัว สู่เส้นทางสร้างเถ้าแก่น้อย..  โดย SMEs Manager Online

สมุนไพรบุษย์น้ำทองขวดใหญ่
       ใครจะรู้ว่า วันหนึ่งของใช้ใกล้ตัวที่เรามองข้ามอย่าง “ยาดมสมุนไพร” กลับมาเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้คนเรามีอาชีพเสริมขึ้นมา และจากอาชีพเสริม ที่ทำเล่นๆ วันหนึ่งกลับกลายมาเป็นอาชีพหลัก สร้างรายได้หลายหมื่นบาทต่อเดือนเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี เพียงแค่หันมาศึกษา มุ่งมั่นค้นคว้าสิ่ง ๆ นั้นแบบเป็นเรื่องเป็นราว วันหนึ่งเราอาจพบอาชีพใหม่ซึ่งเป็นอาชีพที่สร้างทั้งความสุข สร้างรายได้เสริม จนทำให้กลายเป็นเถ้าแก้น้อย ๆ โดยไม่รู้ตัว
นายพฤทธิ์ พิมพบุตร เจ้าของ
       นายพฤทธิ์ พิมพบุตร หรือ “หมู” เป็น อีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบกลิ่นของสมุนไพรในรูปแบบต่าง ๆ มานานกว่าสิบปี ไม่ว่าจะเป็นยาหม่อง ยาดม พิมเสนน้ำ หรือสมุนไพรหอม เมื่อเจอยี่ห้อใหม่ ๆ ที่วางขายตามท้องตลาด คุณหมูเป็นต้องซื้อหามาลองดมเสมอ และความชอบนี่เองทำให้คุณหมูลุกขึ้นมาศึกษาวิธีการทำสมุนไพรหอมจากชมรม อนุรักษ์สมุนไพรไทย จนปัจจุบันได้ผลิตสมุนไพรหอม “บุษย์น้ำทอง” เป็นของตัวเองในที่สุด
      
       “ความที่ผมเป็นคนชอบดมยาดมประเภทสมุนไพรหอม ดมมาหลายชนิด หลายสูตร แต่รู้สึกว่ากลิ่นมันยังไม่ใช่กลิ่นที่ตัวเองชอบเสียทีเดียว วันหนึ่งก็เลยไปเรียนทำสมุนไพรหอมซึ่งอาจารย์ที่สอนก็ได้ให้ความรู้และสอน ขั้นตอนการทำอย่างละเอียด ส่วนกลิ่นของสมุนไพรจะเป็นกลิ่นแบบไหนก็อยู่ที่เราจะประยุกต์ การลดหรือเพิ่มเติมปริมาณของสมุนไพรบางชนิดเข้าไปจะทำให้สมุนไพรหอมของเรามี กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแตกต่างจากคนอื่น
แม่ของคุณหมู หนึ่งในแรงงานในครอบครัว
       สำหรับสมุนไพรที่นำมาใช้เป็นส่วนประกอบนั้น 80 เปอร์เซ็นต์เป็นสมุนไพรไทย อีก 20 เปอร์เซ็นต์เป็นสมุนไพรที่นำเข้าจากจีน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีน้ำมันหอมระเหย สรรพคุณส่วนใหญ่คือ กลิ่นหอมสดชื่น ช่วยบำรุงธาตุ สมุนไพรที่นำมาใช้เป็นส่วนผสมได้แก่ กานพลู กระวาน ดอกจันทร์ พริกไทยดำ เมลทอล พิมเสน การบูร ฯลฯ สำหรับยาดมสมุนไพรบุษย์น้ำทอง เลือกกลิ่นของดอกกานพลูแห้ง และเมนทอล มาเป็นตัวเด่น เพราะให้กลิ่นที่หอมชื่นใจ และกลิ่นไม่แรงมาก ทำให้สามารถสูดดมได้บ่อยเท่าที่ต้องการ โดยขวดใหญ่มีอายุการใช้งานนานถึง 1 ปี ส่วนขวดเล็กมีอายุการใช้งาน 3-4 เดือน ใช้ระยะเวลาในการหมักสมุนไพรประมาณ 3ถึง 7 วัน
      
       ปัจจุบันสมุนไพรทุกอย่างสามารถหาซื้อได้จากร้านขายสมุนไพรทั่วไป ส่วนราคามีการปรับขึ้นมาในช่วงหลัง เพราะมีคนหันมาทำยาดมสมุนไพรกันมาก สินค้ามีน้อยลง ราคาเพิ่มขึ้น โดยสมุนไพรแต่ละตัวราคาขึ้นลงแต่ละวันไม่เท่ากัน เหมือนกับราคาทองคำ ที่มีราคาขึ้นลงในแต่ละวันไม่เท่ากัน
บุษย์น้ำทองในห่อสีทองมอบเป็นของขวัญ
       ในการทำสมุนไพรหอมนั้น คุณพฤทธิ์บอกว่า เพื่อคุณภาพของสินค้าจึงจะผลิตในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไปนักเพราะจะทำให้ควบ คุมคุณภาพได้ และทุกขั้นตอนจะใช้คนในครอบครัวช่วยกันทำเป็นหลัก จากนั้นจึงกระจายไปสู่ขั้นตอนการจัดจำหน่าย โดยเริ่มแรกก็อาศัยการแนะนำผลิตภัณฑ์แบบบอกต่อ จนในที่สุดด้วยกลิ่นที่ถูกใจตลาดทำให้มีคนเริ่มสนใจรับไปขายเป็นรายได้เสริม จากงานประจำซึ่งมีทั้งนักเรียน คนทำงานที่ต้องการรายได้เสริม
      
       นอกเหนือจากกลิ่นที่ถูกใจคนส่วนใหญ่ คุณหมูยังเน้นเรื่องความสวยงามของรูปลักษณ์ของสินค้าอีกด้วย โดยสมุนไพรหอมถูกบรรจุในขวดแก้วที่มีความสวยงาม สะอาดและปลอดภัย ปัจจุบันมีให้เลือกซื้อ 3 ขนาด ได้แก่ ขนาดใหญ่ 10 กรัม ราคา 45 บาท ขนาด 5 กรัม ราคา 35 บาท และขนาดเล็ก 2 กรัม ราคา 25 บาท โดย ผู้ที่รับไปจำหน่ายจะจัดส่งให้อีกราคาหนึ่ง ขึ้นอยู่กับจำนวนการสั่งซื้อ ที่ผ่านมา บุษย์น้ำทอง จะใช้ช่องทางการจำหน่ายผ่านทางบริการไปรษณีย์ เพราะช่วยให้กระจายสินค้าได้ทั่วประเทศในระยะเวลาอันรวดเร็ว
       สำหรับ ยอดขายต่อเดือนประมาณ 1,000 ขวด แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาลอย่างช่วงวันสงกรานต์ยอดขายเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แต่เนื่องจากให้ความสำคัญกับคุณภาพ จึงไม่สามารถรับออร์เดอร์จำนวนมาก จำเป็นต้องปฏิเสธลูกค้าไปบ้างในช่วงเทศกาลที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้ เป็นปีแรกจึงไม่ได้มีการวางแผนการผลิตไว้ก่อน คาดว่าในปีต่อไป คงจะได้วางแผนการผลิตในช่วงเทศกาลให้ดีกว่านี้ และสามารถรับออร์เดอร์ลูกค้าได้ทั้งหมด
       จุดเด่นที่ทำให้ลูกค้าพอใจและมียอดขายเพิ่มขึ้นมาตลอด ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มาจากคุณภาพของสินค้า กลิ่นที่ลูกค้าชื่นชอบ มีคุณสมบัติที่ลูกค้าพึ่งพอใจ และที่สำคัญ การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อไปเป็นของฝากตามเทศกาลหรือซื้อไปใช้ได้เอง โดยเฉพาะวัยรุ่นกล้าซื้อใช้ และไม่รู้สึกว่าเป็นของโบราณ
บุษย์น้ำทองในขวด 3 ขนาด
       ส่วนแผนในอนาคต มีแผนที่จะร่วมกับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาดมาช่วยทำตลาดให้ ในขณะนี้มีบริษัทที่มีชื่อเสียง และมีประสบการณ์ด้านการตลาด เสนอตัวเข้ามา ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุป และร่วมงานกันในเร็วๆนี้ ซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งช่วยขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้มากขึ้น
      
       โทร.083-070-8916 / 085-058-9777

ข้าวกล้องหอมคุณยาย ข้าวปลอดสารพิษ โดยมีฟาร์มสุข ไม่จำกัด

เพื่อนเจ้าของบล็อค เดิมทำงานด้านการเงิน ผันตัวเองสู่ความฝันการเป็นเกษตรกรอินทรีย์
ปลูกหว่านเมล็ดภัณฑ์แห่งความสุข ณ ผืนนาที่จังหวัดสระบุรี   
ดูแลต้นข้าวด้วยความรักและเอาใจใส่ ไม่ให้มีสารพิษมาปนเปื้อนในกระบวนการผลิต
ทั้งยังแบ่งปันความรู้เรื่องการทำนาปลอดสารพิษไปให้เพื่อนบ้านแปลงนาข้างเคียง
ตอนนี้ ข้าวกล้องพร้อมจำหน่ายบรรจุถุงสูญญากาศพร้อมส่งตรงถึงผู้บริโภคแล้วค่ะ
      สนใจติดต่อ e mail: happyricefarm@hotmail.com  โทรศัพท์  081-8227924         

ใครสนใจข่าวคราวของข้าวปลอดสารพิษ สามารถเข้าไปขอเป็นเพื่อนผ่านเฟสบุคของ มีฟาร์มสุข ไม่จำกัด ได้เลยค่ะ